โรคโลหิตจาง (ธาลัสซีเมืย)

การดูแลสุขภาพ สำหับคนที่เป็นโรคโลหิตจาง 

โรคโลหิตจางที่เกิดจากเม็ดเลือดแดงแตกตัวเร็ว เรียกว่า โรคโลหิตจางชนิด Hemolytic Anemia สาเหตุเกิดจากการทำลายเม็ดเลือดแดงเร็วกว่าปกติ อาจเกิดจากพันธุกรรม การติดเชื้อ หรือปัจจัยอื่น เช่น ยา สารเคมี หรือโรคภูมิคุ้มกัน โดยวิธีการป้องกันและดูแลรักษาโรคนี้จะขึ้นอยู่กับสาเหตุ ดังนี้:

1. ปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

  • ตรวจเลือดและวินิจฉัยเพื่อระบุว่ามีสาเหตุจากโรคพันธุกรรม เช่น ธาลัสซีเมีย (Thalassemia) หรือ G6PD Deficiency
  • หรือตรวจหาโรคภูมิคุ้มกัน เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune Hemolytic Anemia)

2. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตก

  • หากเป็น G6PD Deficiency:
    • หลีกเลี่ยงอาหารและยา เช่น ถั่วปากอ้า (fava beans) ซัลฟา (sulfa drugs) หรือยาแอสไพริน
  • หากแพ้สารเคมี: หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีที่เป็นพิษ เช่น สารปรอท

3. เสริมอาหารที่ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง

  • บริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก เช่น เนื้อแดง ตับ ไข่แดง
  • รับวิตามินที่จำเป็น เช่น
    • โฟเลต (Folate): ผักใบเขียว เช่น ผักโขม บร็อคโคลี
    • วิตามินบี12: อาหารทะเล เนื้อสัตว์ นม
    • วิตามินอี: อะโวคาโด ถั่วต่าง ๆ

4. รักษาและควบคุมการติดเชื้อ

  • หากมีการติดเชื้อ ควรรักษาอย่างทันท่วงที เพราะการติดเชื้อบางชนิดอาจกระตุ้นให้เม็ดเลือดแดงแตก เช่น ไวรัสบางชนิด หรือมาลาเรีย

5. การรักษาด้วยยา (ตามคำสั่งแพทย์)

  • หากเป็นโรคภูมิคุ้มกัน (Autoimmune):
    • ใช้ยา สเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบ
    • หรืออาจต้องใช้ ยากดภูมิคุ้มกัน ในกรณีที่จำเป็น
  • หากเกิดจากการติดเชื้อ: ใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านไวรัสตามความเหมาะสม

6. การรักษาด้วยวิธีอื่น

  • การถ่ายเลือด (Blood transfusion): ในกรณีที่มีภาวะโลหิตจางรุนแรง
  • การตัดม้าม (Splenectomy): หากม้ามเป็นตัวทำลายเม็ดเลือดแดงในปริมาณมาก
  • การปลูกถ่ายไขกระดูก: ในกรณีที่เป็นโรคพันธุกรรมรุนแรง เช่น ธาลัสซีเมีย

7. ดูแลร่างกายทั่วไป

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • ออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ เพราะอาจกระทบการสร้างเม็ดเลือดแดง

สรุป

การดูแลไม่ให้เม็ดเลือดแดงแตกตัวเร็ว ต้องอาศัยการวินิจฉัยที่ชัดเจนและการป้องกันสาเหตุเฉพาะตัว เช่น หลีกเลี่ยงสารกระตุ้นหรืออาหารที่ส่งผลเสีย พร้อมทั้งเสริมสารอาหารที่ช่วยบำรุงเลือด หากมีข้อสงสัยหรืออาการแย่ลง ควรพบแพทย์เฉพาะทางทันทีเพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสมค่ะ!

Related Articles

Free Joomla templates by Ltheme